Posted by หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงาม แน่นอนว่าจังหวัดตากต้องติดอันดับจังหวัดที่หลายคนอยากไปกันอย่างแน่นอน เพราะความเป็นธรรมชาติและเสน่ห์ของจังหวัดนี้มักดึงดูดผู้คนที่โหยหาความสงบ เรียบง่าย และรักการผจญภัยให้หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก และเราขอเสนออีก 1 อำเภอที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีก 1 ที่ คืออำเภออุ้มผางนั่นเอง
เราจะพาทุกท่านไปพักใจและพักกายกันที่อุ้มผาง แม้จะเที่ยวอำเภอเดียวแต่ก็สามารถเที่ยวสถานที่ธรรมชาติได้หลายที่ หอบสัมภาระไปพักร่างกายท่ามกลางสายหมอกและป่าเขา ชมวิถีชีวิตของหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงบนดอย ปล่อยความสนุกไปกับน้ำตก และถึงแม้เส้นทางการเดินทางจะมีความลำบากมากน้อยแค่ไหนแต่ความเป็นธรรมชาติที่คนเราโหยหา และหัวใจที่กล้าแกร่งจะพาเราไปถึงสถานที่นั้นได้อย่างแน่นอน
1.ดอยหัวหมด
เริ่มต้นที่แรกกันที่ดอยหัวหมด แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกที่หนึ่งของจังหวัดตาก ดอยหัวหมดเป็นเขาหินปูนหลาย ๆ ลูกทอดยาวติดกัน มีลักษณะเป็นเขาเตี้ย ๆ ที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่คอยปลกคลุมจะมีก็แต่ต้นหญ้าละต้นไม้เล็ก ๆ อย่างต้นปรง เป็นเหตุให้ชาวบ้านที่นี่พากันเรียกว่า ดอยหัวหมด และในฤดูฝนที่ดอยหัวหมดจะสามารถชมความงามของดอกเทียนปีกผีเสื้อที่บานสะพรั่งเต็มดอยได้อีกด้วย
นอกจากบนดอยหัวหมดจะมีธรรมชาติที่น่าชมแล้ว ที่นี่ยังมีไฮไลท์ที่สวยงามอย่างจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น-ตก เชื่อว่าใครที่เคยมาจะต้องรอชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่นี่อย่างแน่นอน และนอกจากชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกแล้ว ที่นี่ยังสามารถชมทะเลหมอกที่ทอดยาวเป็นสายท่ามกลางธรรมชาติอย่างสวยามได้อีกด้วย โดยมีจุดชมวิว 2 จุดด้วยกัน
จุดที่ 1 จะต้องเดินเท้าขึ้นไปชมโดยมีระยะทาง 1.5 กม. จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก แต่อาจจะต้องระมัดระวังในการเดินขึ้น-ลงเพราะทางเดินมีลักษณะที่ชันมากนั่นเอง
จุดที่ 2 จุดนี้เป็นจุดชมวิวบนยอดเขา ระยะทางเพียง 300 เมตร ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามาถชมวิวที่สวยงามได้แล้ว
2.เลตองคุ
เลตองคุเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงฤาษีเพียงที่เดียวในประเทศไทย ที่มีการปกครองตัวเองโดยมีฤาษีเป็นผู้นำทั้งด้านการปกครองท้องถิ่นและผู้นำในเรื่องของจิตวิญญาณ แม้บทบาทการเป็นผู้นำจะลดลง แต่ความศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อฤาษีก็ยังไม่เสื่อมคลาย ดังนั้นที่นี่จะมีฤาษีสืบทอดต่อกันจนถึงปัจจุบัน
บ้านในแต่ละคุ้มของเลตองคุจะมีชื่อของคนในหมู่บ้านติดอยู่ หากใครมีพียงชื่อแปลว่าบุคคลนั้นยังไม่ได้รับสัญชาติไทย แต่ถ้าชื่อไหนที่มีนามสกุล หมายถึงบุคคลนั้นได้รับสัญชาติไทยแล้วนั่นเอง โดยนามสกุลส่วนใหญ่ที่ได้จะถูกตั้งให้โดยเจ้าหน้าที่ของทะเบียนราษฎร์นั่นเอง
ที่หมู่บ้านแห่งนี้ชายและหญิงจะนิยมใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองกันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นโอกาสสำคัญหรือทำพิธีการใด แม้กระทั่งในชีวิตประจำวัน หากใครได้เข้ามาที่หมู่บ้านแล้วล่ะก็รับรองว่าต้องหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน
3.อุ้มผางคี
สถานที่ต่อไปที่เราจะแนะนำก็คืออุ้มผางคี หมู่บ้านกะเหรี่ยงอีกหนึ่งที่ในอำเภออุ้มผาง โดยคำว่าอุ้มผางคีแปลว่าต้นน้ำอุ้มผางซึ่งเป็นต้นน้ำที่ไหลไปรวมกับลำน้ำแม่กลอง เพราะคำว่า”คี” ภาษาของกะเหรี่ยงแปลว่าต้นน้ำนั่นเอง
ที่นี่เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากธรรมชาติแล้วยังมีกิจกรรมน่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ทำกันอีกด้วย หากใครจะไปเที่ยวที่นี่จะต้องนั่งรถจากอุ้มผางไปลงที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงแปโดทะ แล้วเดินเท้าต่อเพื่อเข้ายังหมู่บ้าน แต่ถึงแม้การเดินทางจะลำบากไปสักนิดแต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนที่นี่อย่างแน่นอน
กิจกรรมยอดฮิตที่ของที่นี่คงจะหนีไม่พ้น ล่องแก่ง ซึ่งการล่องแก่งของที่นี่ก็สนุกไม่แพ้ที่อื่น ๆ อย่างแน่นอน โดยการล่องแก่งของที่นี่จะแบ่งตามระดับความยาก แต่จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลแลความปลอดภัยตลอดจนกิจกรรม นักท่องเที่ยวสามารถล่องแก่งกันได้อย่างสนุกและเต็มที่แน่นอน
ที่นี่จะมีแก่งให้นักท่องเที่ยวได้พิชิตกันทั้งหมดถึง 77 แก่ง แก่งที่ใหญ่และยากที่สุดที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมการล่องแก่งก็คือ แก่งหลงและจะล่องไปยังแก่งน้อยใหญ่ต่อไป จะใช้เวลาทำกิจกรรมประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ก็จะถึงจุดสอ้นสุดกันที่หมู่บ้านอุ้มผาง หากใครได้มีโอกาสมาที่อุ้มผางคีก็อย่าลืมมาพิชิตแก่งที่นี่กันด้วยนะ
สิ่งที่แนะนำอีกอย่างหนึ่งของที่นี่เลยก็คือโฮมเสตย์ เป็นโฮมสเตย์ของชาวบ้านที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาพักอาศัยได้ หากใครที่ได้มีโอกาสเข้ามาพักที่โฮมเสตย์ นอกจากจะได้สูดอากาศบริสุทธิจากธรรมชาติ ชมความสวยงามของภูเขาและสายหมอกแล้วยังจะได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมของชาวบ้านที่นี่ รวมถึงชีวิตการเป็นอยู่ด้านอาหารการกินด้วย
4.น้ำตกเปรโต๊ะลอซู/น้ำตกปิตุ๊โกร
สถานที่ต่อไปนับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงามมากในอำเภออุ้มผางเลยก็ว่าได้เพราะที่นี่มีน้ำตกที่มีลักษณะคล้ายกับรูปหัวใจ อยู่ท่ามกลางป่าเขียวขจีที่มีความสวยงามมากจนได้รับการขนานนามว่า “หัวใจแห่งขุนเขา” ซึ่งที่แห่งนี้จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากน้ำตกเปรโต๊ะลอซูนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นความสวยงามที่สุดแสนจะโรแมนติคมาก ๆ เลย นอกจากจะได้มาชมวิวสวย ๆ แล้วยังสามารถเล่นน้ำเย็น ๆ ที่นี่ได้อีกด้วย
“เปรโต๊ะลอซู” หรือที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “น้ำตกปิตุ๊โกร” เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขาสามหมื่น ตั้งงอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 500 เมตรหรือสองเท่าของตึกใบหยกนั่นเอง ที่นี่มีการลงทะเยบียนและเสียค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท แนะนำให้จ้างไกด์ท้องถิ่นหากไม่มีการชำนาญทางเพราะอาจจะหลงป่าได้ หากใครที่จะกางเต็นท์จะต้องกางเฉพาะจุดที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น
นอกจากนี้หากใครมาเที่ยวน้ำตกแต่ไม่ได้ไปยอดเขามะม่วงสามหมื่นแล้วล่ะก็ ถือว่ามาไม่ถึงที่นี่ ถึงแม้เส้นทางจะไม่ได้สะดวกสบายแต่รับรองได้ว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน ตั้งแคมป์แบบไม่วุ่นวาย ธรรมชาติที่สวยงาม ตั้งแคมป์แบบไม่วุ่นวาย ธรรมชาติที่สวยงาม