วันนี้เราจะพาทุกท่านไปชมสถานที่สวยงามตามธรรมชาติกันที่จังหวัดสระแก้ว จังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุด ในภาคตะวันออก และยังเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีอาณาเขตหรือพื้นที่ติดต่อด้านการค้าขายมากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
ละลุ
เริ่มกันที่ unseenThailand อย่าง “ละลุ” (ภาษาเขมร) หรือ “ทะลุ” สถานที่หนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝน จนทำให้ดินยุบตัวหรือพังทลายลงมา แต่มีดินที่มีความแข็งยังคงอยู่ และถูกลมกัดกร่อนจนมีลักษณะต่าง ๆ คล้ายกับกำแพง หน้าผา หรือรูปร่างตามจินตรนาการของบุคคล เกิดการสะสมของตะกอนดิน ละลุจะมีลักษณะคล้ายกับแพะเมืองผี ที่จังหวัดแพร่ และ เสาดินนาน้อย จังหวัดน่าน โดยจะมีละลุขึ้นเยอะกว่าในพื้นที่ประมาณ2000ไร่ และในทุก ๆ ปี รูปร่างและลักษณะจะเปลี่ยนแปลงไปตามแรงลม แรงฝน ที่กัดกร่อน
โดยทั้ง 3 สถานที่นี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของ เปลือกโลก ซึ่งเกิดจากการถล่มของหน้าดิน ละลุสามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปีโดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เพราะอากาศที่นอกจากจะไม่ค่อยร้อนแล้วยังมีแสงจากพระอาทิตย์อ่อน ๆ ที่ส่องแสงลงมากระทบทำให้ดูละลุดูคล้ายสีทองอย่างสวยงาม
การเข้าชมละลุนั้นไม่สามารถนำรถส่วนตัวเข้าไปได้ เนื่องจากอาจะทำให้แหล่งท่องเที่ยวเกิดความเสียหายจากการที่ดินบริเวณนั้นยุบตัว แต่สามารถเช่ารถอิแต๊กเข้าไปชมได้ โดยมีอัตราค่าบริการอยู่ที่ 200 บาท สามารถนั่งได้ 6 – 10 ท่าน และมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่เป็นน้อง ๆ ในพื้นที่มาให้ความรู้เบื้องต้นด้วย
เขาฉกรรจ์
คำว่าฉกรรจ์ มีการสันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจากคำว่า ฉอ-กัณฑ์ หรือพิธีตัดไม้ข่มนาม พิธีที่ทำเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับของเมื่อมีศึกสงคราม ยามออกรบ และเพื่อข่มขวัญกับศัตรูฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย และสถานที่สำคัญที่เป็นแรงดึงดูดใจ ให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวก็คือถ้ำเขาทะลุนั่นเอง
เขาฉกรรจ์เป็นเขาหินปูนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ตรงกลางระหว่างเขามิ่งที่อยู่ทางด้านซ้าย และเขาฝาละมีที่อยู่ทางด้านขวา มีอายุราว ๆ 2พัน-4พันปี บริเวณรอบเขาเป็นสวนรุกชาติเนื่องจากที่นี่มีลิงและค้างคาว อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนสามารถชมค้างคาวที่บินออกจากถ้ำมาเป็นสายได้ในตอนเย็น
ถ้ำเขาทะลุ
ถ้ำเขาทะลุนับว่าเป็นอีก 1 แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต ที่ดึงดูดใจให้คนมาเที่ยว จังหวัดสระแก้ว ถ้ำเขาทะลุเป็นถ้ำที่อยู่บริเวณบนยอดเขาฉกรรจ์ สาเหตุที่เรียกถ้ำเขาทะลุเพราะที่มีเป็นถ้ำ ที่ส่วนปลายด้านบนเป็นรูโหว่ ทะลุไปอีกฝั่ง โดยภายในถ้ำจะมีรอยพระพุทธบาทให้ได้สักการะขอพรกัน และนอกจากนี้ ยังสามารถเดินขึ้นไปขอพรกับพระที่อยู่บนยอดเขาและชมวิว บนภูเขาได้ถึง 180 องศาอีกด้วย
เนื่องจากบันไดทางขึ้นไปข้างบนจะมีลักษณะที่อาจจะคับแคบ ควรระวังตัวและจับราวตอนขึ้นและลงตลอด เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง
ถ้ำเพชรโพธิ์ทองเป็นถ้ำขนาดกลางที่อยู่ในเขาเลื่อม บริเวณปากถ้ำมีลักษณะเป็นลานหินกว้าง เป็นถ้ำที่สามารถเดินเท้าเข้าไปชมภายในถ้ำได้อย่างสบาย ภายในถ้ำมีอากาศที่ถ่ายเทได้สะดวกและเย็นสบาย มีหินงอกหินย้อยที่มีลักษณะคล้ายเพชรประดับมุก มีแสงไฟสว่างตลอดทาง มีโถงให้ได้ถ่ายภาพทั้งหมด 4 จุด คือ
1.ประตูสู่ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง เป็นห้องกว้างรูปไข่ มีหินสีขาวนวล ที่ถูกวางไว้ตามธรรมชาติอย่างเป็นระเบียบ
2.ห้องโถงอุโมงค์ใหญ่ เป็นห้องโถงใหญ่ที่มีอากาศถ่ายเทตลอดเวลา
3.ห้องมุขประดับเพชร ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ห้องมุขประดับเพชรเป็นห้องขนาดใหญ่ มีแสงไฟส่องสะท้อนกับเกล็ดทรายจนทำให้เกิดแสงระยิบระยับ ที่ลักษณะดูคล้ายกับเพชรเวลาโดนแสงมีหินงอกหินย้อยที่มีลักษะเป็น “มุกทรงเจดีย์” หรือ “รูปไข่สีขาว” และบนของผนังถ้ำยังมีจุดคล้ายกับใบโพธิ์สีทอง ที่เกิดเองตามธรรมชาติจากการที่น้ำขังบริเวณแอ่ง ด้านบนของภูเขาจนเกิดสนิมผ่านทะลุผนังมีลักษณะคล้ายใบโพธิ์ และห้องนี้ยังเป็นที่มาของชื่อถ้ำอีกด้วย
4.ประตู่สู่ปราสาทถ้ำ มีหินปากประตูสีขาวเนียน ห้องนี้ชาวบ้านจะเรียกว่าห้องชุมนุมเทวดา เพราะเมื่อเดินเข้าไปจะพบกับหินงอกหินย้อย ที่มีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูป
กิจกรรมและจุดชมวิว
นอกจากจะมีสิ่งสวยงามภายในถ้ำให้ได้ชมและถ่ายรูปสวยๆกันแล้ว ที่นี่ยังมีหน้าผาให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรมลอยตัวกัน ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็หายห่วง เพราะที่นี่มีอุปกรณ์safetyและเจ้าหน้าที่คอยดูแลและรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา ถึงแม้ว่าหน้าผาจะมีความสูงเพียง 30 เมตร แต่รับรองว่าสามารถทำให้ทุกท่านสนุกและหวาดเสียวได้เหมือนกับผาสูง ๆ เลย
นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิว 2 จุด ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวทิวทัศน์รอบ ๆ กัน คือ
1.ผาโมกราชินี จุดชมวิวที่อยู่ห่างจากถ้ำราว 300 เมตร อาจจะต้องเดินกันอย่างระมัดระวังเพราะทางขึ้นค่อนข้างจะลาดชันแต่ยังมีความร่มรื่นไปด้วยไม้หลากหลายชนิด มีต้นโมกราชินีและสลัดไดขึ้นแซม ซึ่งจุดนี้จะมองเห็นวิวไร่ข้าวโพดของชาวบ้านได้จากไกลๆ
2.ผาหินเทิบ จุดชมวิวนี้อยู่ไม่ไกลกับผาโมกราชินีมากนัก แต่ที่นี่สามารถมองเห็นบ้านพนมไดของประเทศกัมพูชาได้
ถ้ำเพชรโพธิ์ทองสามารถไปยังตัวถ้ำได้ 2 ทาง คือ รถยนต์และการเดินเท้า ถ้าเดินเท้าชึ้นไปบนเขาจะพบกับสมุนไพรและพันธุ์ไม้หายากที่ชาวบ้านช่วยกันปลูกและอนุรักษ์ไว้ เช่น ต้นโมกราชินี กวาวเครือ สลัดได ที่อยู่ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ไร่นาและพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านและยังมีลิงป่าและฝูงค้างคาวที่อยู่ใกล้ถ้ำอีกด้วย
น้ำตกเขาตะกรุบ
น้ำตกเขาตะกรุบเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามจนได้รับฉายาว่า “สาวน้อยแห่งเขาอ่างฤาไน” น้ำตกตั้งอยุ่ในอุทยานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 50 เมตรและมีทั้งหมด 5 ชั้น ในช่วงฤดูฝนจะสวยงามมากเพราะน้ำจะเยอะ บริเวณรอบๆน้ำตกเป็นป่าดิบชื้นสมบูรณ์ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมสวยงามและต้นเฟรินขึ้นแทรกตามหลืบหิน มีเส้นทางชมผีเสื้อและนกให้ได้ชม และบริเวณลานไทรท่านอาจจะพบรอยเท้าของช้างป่าที่อยู่บริเวณนั้นอีกด้วย
ที่นี่ไม่สามารถพักค้างคืนได้เนื่องจากตอนกลางคืนจะมีสัตว์ป่าออกหากิน แต่สามารถชมความงามได้ตอนกลางวัน สำหรับหรับคนไทยจะเสียค่าเข้า 20 บาท เด็ก 10 บาท ส่วนชาวต่างชาติจะเสีย 200 บาท เด็ก 100 บาท อย่าลืมมาเที่ยวน้ำตกที่งดงามกันนะคะ