คะแนนนิยมผู้นำปินส์ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

Posted by

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่าผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ใต่อการทำงานของประธานาธิบดีเบนิกโน อาคีโน จัดทำโดยสำนักวิจัย “พัลส์ เอเชีย” รวบรวมความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างเมื่อสัปดาห์แรกของเดือนมี.ค. ปรากฏว่าคะแนนการยอมรับในตัวผู้นำฟิลิปปินส์อยู่ที่เพียงร้อยละ 38 ลดลงมากถึง 21 จุด เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่คะแนนความไว้วางใจลดลงจากร้อยละ 56 เหลือเพียงร้อยละ 36 เท่านั้น

joker123

คะแนนที่ออกมาถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เบนิกโน วัย 55 ปี บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีคอราซอน อาคีโน ผู้ล่วงลับ ชนะการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2553 ซึ่งคะแนนนิยมของอาคีโนในช่วงนั้นสูงถึงร้อยละ 80

ด้านผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์การสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวอาคีโนของประชาชน ว่าเป็นผลจากการเสียชีวิตของหน่วยคอมมานโด 44 นาย ในเหตุปะทะเดือดกับกลุ่มนักรบของแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร ( เอ็มไอแอลเอฟ ) ในพื้นที่ทางตอนใต้ของเกาะมินดาเนา เมื่อกลางเดือนม.ค. เพื่อจับกุมแกนนำของกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ ( เจไอ ) ซึ่งหลบหนีมากบดานที่นี่ และถูกจับตายในภารกิจดังกล่าว

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – ผลสำรวจล่าสุดชี้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส กัลเดรอน ผู้นำโคลอมเบีย ลดลงเหลือเพียง 21 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นคะแนนนิยมในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่ผู้นำวัย 62 ปีรายนี้เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2010

ผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักวิจัย “แกลลัปโพล” ของสหรัฐฯ ที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (4) ที่กรุงโบโกตาของโคลอมเบีย ระบุว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส กัลเดรอน ผู้นำคนที่ 32 ในประวัติศาสตร์ของประเทศ ได้ร่วงลงสู่ระดับต่ำที่สุด คือ ร้อยละ 21 ทั้งที่คะแนนนิยมของซานโตส จากผลสำรวจครั้งก่อนของแกลลัปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมายังอยู่ที่ร้อยละ 48

สล็อต

ผลสำรวจล่าสุดของแกลลัปซึ่งรวบรวมความคิดเห็นทางโทรศัพท์ของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นชาวโคลอมเบียจำนวน 1,200 คนใน 5 เมืองใหญ่ทั่วโคลอมเบีย รวมถึงกรุงโบโกตา เมืองหลวงของประเทศ ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีซานโตสลดลงอย่างรวดเร็วนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มกองโจรฝ่ายซ้าย “ฟวยร์ซัส อาร์มาดัส เรโบลูซิโอนาเรียส เด โกลอมเบีย” หรือกลุ่ม “FARC” ที่จับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 1964 ยังคงไร้ความคืบหน้า

ขณะเดียวกัน ซานโตสยังล้มเหลวในการเจรจากับบรรดานายทุนด้านการเกษตรในประเทศเรื่องการลดราคาปุ๋ยให้ต่ำลงจนก่อให้เกิดการประท้วงปิดถนนของเกษตรกรทั่วประเทศ ที่นำไปสู่การจลาจลที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2 ราย

ทั้งนี้ ฮอร์เฆ ลอนโดนโญ ผู้อำนวยการของแกลลัปโพลประจำโคลอมเบียเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีซานโตสถือเป็นผู้นำโคลอมเบียคนแรกที่มีคะแนนนิยมร่วงลงสู่ระดับ 21 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ประธานาธิบดีอันเดรส ปาสตรานา เมื่อปี 1999

ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์นั้นไม่มีระบบกษัตริย์หรือเหล่าราชนิกุล แต่กลับเต็มไปด้วยตระกูลเก่าแก่จำนวนนับไม่ถ้วนที่มักจะมีปัญหาขัดแย้งกันเอง

สล็อตออนไลน์

แต่นอกเหนือจากเหล่าตระกูลออสเมนา ตระกูลโคฮวางโก และตระกูลโรซาสแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชื่อสำคัญที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ นั่นคือ “ตระกูลอากีโน” ตระกูลที่มักจะถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้เสียสละอันยิ่งใหญ่ พวกเขาคนหนึ่งถูกลอบสังหาร สองคนได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ได้รับการสรรเสริญยิ่งกว่านางออง ซาน ซูจี ของประเทศเมียนมาเสียอีก

ฟิลิปปินส์ถูกทำลายอย่างย่อยยับในสมัยของนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้สิ้นสุดอำนาจการปกครองอันเลวร้ายลงในปีคริสต์ศักราช 1986 ทิ้งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ไว้ในกองหนี้สินและความบอบช้ำจากบาดแผลทางการเมือง

มันกลายเป็นเรื่องน่าตลกที่คนเอาไปพูดกันว่า ท่ามกลาง “ยุครุ่งเรืองของเอเชีย” ฟิลิปปินส์กลับเป็นประเทศที่สิ้นหวังอยู่ในความยากจนและการทุจริต

นายเบนิกโน อากีโน ที่ 3 (“นอยนอย”)
แต่มาตอนนี้ ราว 29 ปีหลังจากที่นายมาร์กอสหลบหนีไปยังฮาวาย นายเบนิกโน อากีโน ที่ 3 (“นอยนอย”) บุตรชายของนายเบนิกโน อากีโน จูเนียร์ (“นินอย”) ผู้ถูกลอบสังหาร ได้ทำสำเร็จในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาได้ทำให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในอาเซียน

jumboslot

จากข้อมูลของธนาคารโลก ในปี 2011–2014 (4 ปีแรกในการดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของนอยนอย จากระยะเวลาเต็ม 6 ปี) เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์เติบโตขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 5.95 ถ้าเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันที่ประเทศมาเลเซียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 5.38 เวียดนามและอินโดนีเซียร้อยละ 5.7 และสิงคโปร์ร้อยละ 4.2 ก็จะเริ่มเข้าใจถึงขนาดความสำเร็จของนอยนอย

แต่ถึงอย่างนั้น ประเทศฟิลิปปินส์ก็ยังต้องต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อตามประเทศอื่นให้ทัน

ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2014 ประเทศฟิลิปปินส์พุ่งทะยานจากลำดับที่ 134 ไปอยู่ลำดับที่ 85 ในผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ด้านการคอร์รัปชันโดย TMI (เลื่อนสูงขึ้น 49 ลำดับ) เทียบกับมาเลเซียที่เลื่อนจากลำดับที่ 56 ไปยังลำดับที่ 50 (เลื่อนขึ้นเพียง 6 ลำดับ) อินโดนีเซียได้เลื่อนจากที่ 110 เป็น 107 (แค่ 3 ลำดับ) และเวียดนามเลื่อนลง 3 ลำดับจาก 116 ไปอยู่ลำดับที่ 119

ในปี 2014 อุตสาหกรรมการให้บริการธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ IT-BPO สร้างรายได้ถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเกิดการจ้างงานชาวฟิลิปปินส์มากถึง 1.3 ล้านตำแหน่งในปี 2016

มีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อมั่นในความสามารถของนอยนอยเมื่อครั้งที่ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกในปี 2010 พวกเขาคิดว่านอยนอยดูอ่อนแอ ไม่มีประสบการณ์ และไร้จุดยืน แต่ทุกอย่างได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาคิดผิด

ไม่นานมานี้ผมได้รับเกียรติให้เข้าสัมภาษณ์ท่านประธานาธิบดีที่พระราชวังมาลากานัง วังอันงดงามดั่งอัญมณีและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ในกรุงมะนิลา

slot

เพียงสองสัปดาห์ก่อนจะถึงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกที่จะมีขึ้นในเดือนนี้ (16-18 พ.ย.) ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และเพียง 6 เดือนก่อนที่ชาวฟิลิปปินส์จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ดำรงตำแหน่งคนต่อไป ท่านประธานาธิบดียังคงมองทุกสิ่งในเชิงบวก

มีนัยสำคัญที่ปีนี้การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การสร้างเศรษฐกิจที่เท่าเทียม การสร้างโลกที่ดีขึ้น”

เป็นไปได้ว่าอากีโนมีคำตอบอยู่แล้วในใจเมื่อผมถามท่านเกี่ยวกับความลับในการสร้างความสำเร็จให้กับประเทศฟิลิปปินส์:

“[แก่นความสำเร็จของเรา] มาจากพื้นฐานความเชื่อที่ว่าทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดของประเทศนี้ คือ ประชาชนของเรา”

นอยนอยจัดการให้หน่วยงานด้านการศึกษาได้พูดคุยกับกลุ่มอุตสาหกรรมว่าฝีมือแรงงานด้านใดที่เป็นที่ต้องการของตลาด รัฐบาลของท่านได้ริเริ่มโครงการแจกเงินช่วยเหลือภายใต้ข้อกำหนด ซึ่งให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวยากจนในการส่งเด็กๆ ให้ได้เรียนหนังสือ และภายใต้การนำของท่าน กรมอนามัยได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นถึง 300%

ความสำเร็จของท่านมิได้มีเพียงแต่ในเชิงเศรษฐกิจเท่านั้น

นอยนอยได้รับการยกย่องจากการออกมาตรการจัดการการทุจริตคอร์รัปชันขั้นเด็ดขาด รวมถึงการจัดการให้อดีตประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล-อาร์โรโย ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าได้รับการดำเนินคดีข้อหาทุจริตการเลือกตั้งและข้อหาอื่นๆ อีกด้วย

ท่านยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ท้าทายมากที่สุดในการขึ้นมาบริหารประเทศ แต่ท่านก็ให้ความเห็นด้วยว่า “ข้าพเจ้าพอใจที่จะเชื่อว่าประชนส่วนใหญ่ของเรา… สนับสนุนอะไรๆ ก็ตามที่เรากำลังทำอยู่”

ในความจริงแล้วที่ท่านได้นำนโยบาย “Daang Matuwid” (คือ “the straight path (เส้นทางที่ถูกต้อง)” ซึ่งเป็นคำขวัญสำหรับผลักดันการต่อต้านคอร์รัปชันของท่าน) มาเป็นพื้นฐานการทำงานในการดำรงตำแหน่งครั้งนี้

แล้วอะไรละที่เป็นแรงผลักดันให้ท่านนำหลักการ “Daang Matuwid” มาใช้?